เดี๋ยวนี้ไปไหนทางไหนก็ได้ยินแค่คำว่า Smart Phone แต่คงไม่ค่อยมีใครได้ยินคำว่า Smart Grid กับ Smart Meter กันสักเท่าไหร่ อันที่จริงนี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่เอี่ยมเสียทีเดียวครับ เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1990 เสียด้วยซ้ำ แต่แม้กระทั่งในปัจจุบันเทคโนโลยีก็ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายเท่าไหร่นัก โครงสร้างพลังงานอัจฉริยะที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้เป็นเรื่องของระบบไฟฟ้าครับ ระบบ Smart Grid เป็นระบบสายส่งไฟฟ้าที่ถูกควบคุมโดยระบบดิจิตอลทั้งหมด ทำให้สามารถติดตามข้อมูลได้ตั้งแต่จุดผลิตกระแสไฟฟ้า หม้อแปลง สายส่ง ไปจนถึงผู้ใช้ตามบ้าน
Smart Grid ยังถูกออกแบบให้เลือกรับกระแสไฟฟ้าจากเทคโนโลยีที่แตกต่างกันได้ โดยพลังงานหมุนเวียน เช่น ไฟฟ้าจากพลังน้ำ ลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกเลือกก่อนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิง ระบบ Smart Grid จะทำการสื่อสารกับมาตรวัดอัจฉริยะ หรือ Smart Meter ซึ่งทำการเก็บข้อมูลส่งให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อเพิ่มหรือลดการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภคและกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ณ ขณะนั้นในแบบรีลไทม์ ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าก็ได้รับทราบข้อมูลการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของตัวเองจาก Smart Meter ว่าใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาไหนไปกี่หน่วย และสามารถประเมินค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนได้
และการที่ผู้บริโภครับทราบข้อมูลลักษณะการใช้ไฟฟ้านี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกทำกิจกรรมบางอย่างในเวลาที่ค่าไฟถูกกว่าได้ (เช่น เดินเครื่องซักผ้าในเวลากลางคืน)
ไม่เพียงเท่านี้ ระบบ Smart Meter ถูกออกแบบมาให้สามารถติดต่อกับผู้ผลิตไฟฟ้าได้ จึงมีคนนำเทคโนโลยีไปต่อยอดให้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตติดต่อได้ด้วย ทำให้เราสามารถดูปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ตลอดแม้จะไม่อยู่ที่บ้าน โดยโครงการในลักษณะนี้มียักษ์ใหญ่ในโลก IT ลงไปเล่นแล้ว คือโครงการ Hohm ของไมโครซอฟท์ และ PowerMeter ของกูเกิล ซึ่งทั้งสองโครงการมีลักษณะคล้ายกันคือทำหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้เพื่อนำไปวิเคราะห์ลักษณะการใช้พลังงานในภายหลังได้ ทั้งสองโครงการนั้นถูกประกาศยุติการดำเนินการไปแล้วทั้งคู่เนื่องจากขาดความสนใจจากประชาชนทั่วไป แต่คาดว่าหากสหรัฐฯ ตั้งใจผลักดันเทคโนโลยีนี้ เราคงได้เห็นทั้งไมโครซอฟท์และกูเกิล รวมถึงบริษัทพลังงานต่างๆ ลงมาเล่นในเวทีนี้กันมากขึ้นอย่างแน่นอน
เทคโนโลยี Smart Grid และ Smart Meter นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทดแทนระบบไฟฟ้าแบบเดิมๆ ที่เราไม่เคยรู้เลยว่าในแต่ละเดือนเรามีลักษณะการใช้ไฟฟ้าอย่างไร เพื่อปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคให้สอดรับกับวิกฤติพลังงานและปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เพราะเมื่อรับรับทราบพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเราแล้ว เราจะสามารถเลือกช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความสำคัญของกิจกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดด้วย
การคำนวณค่าไฟฟ้านั้นจะแบ่งคิดตามช่วงเวลา โดยในช่วงเวลากลางวัน หรือที่เรียกว่า on-peak ที่มีผู้ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก ค่าไฟในช่วงเวลานี้จะแพงกว่าช่วงกลางคืน หรือ off-peak ซึ่งมีผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า เหตุผลเนื่องจากผู้ผลิตไฟฟ้าต้องใช้เชื้อเพลิงในผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงกลางวันให้เพียงพอ ในขณะที่กลางคืนนั้นจะพึ่งพาเชื้อเพลิงน้อยกว่าเนื่องจากกำลังการผลิตของพลังงานหมุนเวียนเช่นพลังงานน้ำหรือลมที่ทำงานเกือบตลอดเวลาสามารถชดเชยได้มากกว่านั่นเอง
Environmental Object คือ Smart Grid กับ Smart Meter
Environmental Data Object คือ เทคโนโลยี Smart Grid และ Smart Meter นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทดแทนระบบไฟฟ้าแบบเดิมๆ ที่เราไม่เคยรู้เลยว่าในแต่ละเดือนเรามีลักษณะการใช้ไฟฟ้าอย่างไร เพื่อปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคให้สอดรับกับวิกฤติพลังงานและปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
ที่มา
Smart (more than) Phone[ออนไลน์];http://www.daydev.com/2012/it-saves-the-world.html (วันที่สืบค้นข้อมูล 8 สิงหาคม 2555)
นายอธิคม คำสอนทา (ก๊อบ)
ปรับแก้ Environmental Object, Environmental Object Data, Data Capture, Data Analysis, และ Meta Data
ตอบลบ