สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เก่าจำนวนมากถูกเก็บไว้ให้ฝุ่นเกาะ
เพื่อรอการนำมาใช้ใหม่ การรีไซเคิล หรือ การกำจัดทิ้ง
กระทรวงคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐอเมริกา ประมาณว่า 3 ใน 4
ของคอมพิวเตอร์ซึ่งถูกขายไปแล้วในสหรัฐ
จะถูกกองรวมกันอยู่ในโกดังและที่เก็บต่างๆ เมื่อถึงคราวที่ต้องโยนทิ้ง
พวกมันจะถูกนำไปฝังกลบหรือไม่ก็เข้าเตาเผาขยะ และเมื่อเร็วๆ
นี้ยังมีการส่งออกมาที่เอเชียด้วยที่ฝังกลบขยะ:
จากข้อมูลของกระทรวงคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ในพ.ศ. 2543 มากกว่า 4.6
ล้านตันของขยะอิเล็กทรอนิกส์ถูกฝังกลบในสหรัฐ
สารเคมีพิษที่อยู่ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้อาจรั่วไหลลงผืนดิน
หรือแพร่เข้าสู่บรรยากาศ ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียง
ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ออกมาตรการห้ามนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปฝังกลบ
เนื่องจากมีองค์ประกอบของวัสดุที่เป็นพิษ
แต่ในหลายประเทศก็ยังมีการฝังกลบขยะเช่นนั้นต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ในฮ่องกง
ประมาณกันว่าร้อยละ 10-20 ของคอมพิวเตอร์ที่ถูกทิ้ง จะถูกนำไปฝังกลบ
เตาเผาขยะ:
การเผาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโลหะหนักไม่ว่าจะเป็น
ตะกั่ว แคดเมียม และ สารปรอท เข้าสู่บรรยากาศ และกลายเป็นเถ้าถ่าน
สารปรอทที่แพร่เข้าสู่บรรยากาศจะสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหาร โดยเฉพาะในตัวปลา
ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญที่เผยแพร่สารปรอทไปสู่คนทั่วไป
ถ้าสินค้าชนิดนั้นมีส่วนประกอบของพลาสติก PVC
ก็จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของสารไดอ๊อกซินคลอไรด์และสารฟิวแรน
สารทนไฟซึ่งทำจากโบรมีนก็จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของสารโบรไมเนตไดอ๊อกซิ
นและสารฟิวแรน เมื่อมีการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ชนิดนั้น
การนำมาใช้ใหม่:
การนำมาใช้ใหม่เป็นวิธีที่ดีเพื่อยืดอายุของสินค้า
สินค้าเก่าหลายชิ้นถูกส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนา
แม้ว่าประโยชน์จากการนำสินค้าเก่ามาใช้ใหม่ยังไม่ชัดเจน
แต่การนำสินค้ามือสองมาใช้ก็ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นมาแล้ว
เพราะหลังจากใช้งานได้เพียงไม่นานสินค้ามือสองเหล่านี้ก็จะถูกทิ้ง
และดูเหมือนประเทศที่นำเข้าต่างก็ไม่มีความสามารถในการจัดการกับขยะอันตราย
เหล่านี้ได้
รีไซเคิล:
แม้ว่าการรีไซเคิลจะเป็นวิธีที่ดีในการนำวัสดุของสินค้าเก่ามาใช้ใหม่
แต่ในขณะเดียวกันในกระบวนการรีไซเคิลก็อาจทำให้คนงานได้รับอันตรายจากสาร
เคมีในขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น
รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียง
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
การรีไซเคิลสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะมีในโรงงานรีไซเคิลที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
เท่านั้น โดยมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ยกตัวอย่างเช่น
ในหลายประเทศในสหภาพยุโรป
จะไม่มีการรีไซเคิลพลาสติกจากขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหลีกเลี่ยงการปล่อยสาร
โบรไมเนต ฟิวแรน และ สารไดอ๊อกซินเข้าสู่บรรยากาศ
แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาไม่มีมาตรการควบคุมเช่นนี้
และการแยกขยะเพื่อรีไซเคิลมักทำกันตามแหล่งทิ้งขยะต่างๆ
และหลายครั้งจะมีเด็กมาแยกขยะด้วย
การส่งออก:
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ถูกส่งออกจากประเทศพัฒนาแล้วไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาเป็น
ประจำ และหลายครั้งได้ละเมิดอนุสัญญาบาเซิล จากการตรวจสอบท่าเรือ 18
แห่งในยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2548 พบว่า ขยะมากถึงร้อยละ 47
ซึ่งรวมทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ถูกส่งออกไปอย่างผิดกฎหมาย ใน พ.ศ. 2546
เฉพาะในอังกฤษ ขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 23,000
เมตริกตันถูกส่งออกอย่างผิดกฎหมายโดยไม่มีการระบุว่าเป็นสินค้าประเภทใด
ไปยังตะวันออกไกลไม่ว่าจะเป็นอินเดีย อัฟริกา และ จีน ในสหรัฐอเมริกา
ประมาณกันว่าร้อยละ 50-80 ของขยะที่ถูกรวบรวมเพื่อการรีไซเคิล
ก็จะถูกส่งออกไปในลักษณะเดียวกัน
แต่การกระทำเช่นนื้ถือว่าถูกกฎหมายเพราะว่าสหรัฐไม่ได้ให้สัตยาบันรับรองอนุ
สัญญาบาเซิล
จีนแผ่นดินใหญ่พยายามจะปกป้องการค้าเช่นนี้ด้วยการออกกฎหมายห้ามนำเข้า
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในพ.ศ. 2543
อย่างไรก็ตามกรีนพีซพบว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่มีการบังคับใช้จริงจัง
โดยยังมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกส่งมาถึงเมืองกุ้ยหยู มณฑลกวางตุ้ง
ซึ่งเป็นศูนย์รวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจีน
กรีนพีซยังพบว่าในอินเดียมีปัญหาการค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
เฉพาะในเมืองเดลีมีคนงาน 25,000 คนที่ทำงานตามแหล่งทิ้งขยะ
ซึ่งต้องคัดแยกขยะ 10,000-20,000 ตันต่อปี โดยร้อยละ 25
ของขยะเหล่านี้เป็นคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ยังพบว่ามีแหล่งทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองมีรุต เฟโรซาบัด
เชนไน บังกาลอ และ มุมไบ
การค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์นี้พัฒนาขึ้นมาอย่างไร
ในช่วงทศวรรษ 1990 รัฐบาลของประเทศในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น
และบางรัฐในสหรัฐ จัดตั้งระบบ "รีไซเคิล" ขยะอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา
แต่หลายประเทศไม่มีศักยภาพมากพอที่จะจัดการกับปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์มาก
มายที่พวกเขาผลิตขึ้นมา
หรือไม่สามารถจัดการกับคุณลักษณะที่เป็นพิษของขยะเหล่านี้ได้
ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเขาจึงเริ่มส่งออกปัญหาเหล่านี้ไปยังประเทศที่กำลัง
พัฒนา ซึ่งไม่มีกฎหมาย
หรือไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองคนงานและสิ่งแวดล้อม
ทั้งการรีไซเคิลขยะในประเทศกำลังพัฒนายังมีต้นทุนถูกกว่า
ต้นทุนการรีไซเคิลกระจกจากจอคอมพิวเตอร์ในสหรัฐ คิดเป็น 0.5
เหรียญต่อน้ำหนัก 1 ปอนด์ เทียบกับ 0.05 เหรียญในประเทศจีน
ความต้องการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในเอเชียเริ่มมีมากขึ้น
เนื่องจากคนงานในแหล่งทิ้งขยะต่างๆ
พบว่าพวกเขาสามารถคัดแยกสารที่มีค่าออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทองแดง เหล็ก
ซิลิกอน นิกเกิล และ ทองคำ ในระหว่างกระบวนการรีไซเคิล ยกตัวอย่างเช่น
โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องจะประกอบด้วยทองแดงร้อยละ 19 และเหล็กร้อยละ 8
Environmental Object คือ ขยะอเล็กทรอนิกส์
Environmental Data Object คือ การรีไซเคิล หรือ การกำจัดทิ้ง
กระทรวงคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐอเมริกา ประมาณว่า 3 ใน 4
ของคอมพิวเตอร์ซึ่งถูกขายไปแล้วในสหรัฐ
จะถูกกองรวมกันอยู่ในโกดังและที่เก็บต่างๆ เมื่อถึงคราวที่ต้องโยนทิ้ง
พวกมันจะถูกนำไปฝังกลบหรือไม่ก็เข้าเตาเผาขยะ และเมื่อเร็วๆ
นี้ยังมีการส่งออกมาที่เอเชียด้วยที่ฝังกลบขยะ
ที่มา
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปจบอยู่ที่ใด[ออนไลน์];http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/toxics/electronics/where-does-e-waste-end-up/ (วันที่สืบค้นข้อมูล 8 สิงหาคม 2555)
น.ส สุภัทรา พึ่งพเดช (แหม่ม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น