วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เนคเทคติดตั้งเซ็นเซอร์เฝ้าระวังเขื่อนแตก

เนคเทคส่งเทคโนโลยีเฝ้าระวังความมั่นคง ฝังชุดเซ็นเซอร์วัดแรงดันแจ้งข้อมูลตามเวลาจริงตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน นำร่องเขื่อนรัชชประภา ดร.อุดม ลิ่มลมไพศาล นักวิจัยหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาการควบคุมและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (ICA) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เปิดเผยว่า โซลูชั่นเฝ้าระวังเขื่อนด้วยเซ็นเซอร์วัดแรงดันน้ำที่เนคเทคพัฒนามีต้นทุนถูกกว่าเทคโนโลยีนำเข้าถึง 6 เท่าตัว ชุดเซ็นเซอร์ถูก นำไปติดตั้งในก้นหลุมความลึก 100 เมตร กว้าง 4 นิ้ว เพื่อตรวจวัดระดับน้ำ โดยการแปลงความสูงของระดับน้ำเป็นความดันน้ำในเขื่อน โดยระบบส่งข้อมูลจากเซ็นเซอร์ผ่านสายทองแดงขึ้นมายังหน่วยวัดคุมระยะไกล หรือ RTU ซึ่งจะเก็บข้อมูลของเซ็นเซอร์ 3-4 ตัวก่อนเชื่อมต่อเข้าด้วยกันที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ผ่านสายใยแก้วนำแสง เพื่อให้ข้อมูลทันสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง งานวิจัยดังกล่าวเป็นการต่อยอดองค์ความรู้จากการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ที่เรียกว่า สกาดา (SCADA) ซึ่งเนคเทคเคย ทำมาก่อน อาทิเช่น หน่วยวัดคุมระยะไกล ที่รวบรวมข้อมูลจากแต่ละหัววัด ส่งผ่านระบบสื่อสารทั้งแบบมีสายและไร้สาย ผ่านไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ฐานข้อมูล รวมทั้งการติดต่อกับผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ เพื่อการวิเคราะห์ความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อนได้ตลอดเวลา "ระบบที่พัฒนาช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายเนื่องจากเป็นภาษาไทย นักวิจัยสามารถต่อยอดระบบได้ตลอดเวลา การใช้งานสอดรับกับสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้น ทั้งยังประยุกต์ใช้กับเขื่อนอื่นในไทย และประเทศเพื่อนบ้านที่สภาพอากาศคล้ายกัน โดยราคาเทคโนโลยี 9.9 ล้านบาท ถูกกว่านำเข้าจากออสเตรเลียที่มีราคาถึง 60 ล้านบาท แต่อัพเกรดระบบหรือซ่อมเองไม่ได้ ต้องเสียค่าบำรุงรักษาครั้งหนึ่งเป็น 10 ล้านบาททีเดียว" นักวิจัยกล่าว ที่ผ่านมา พนักงานประจำเขื่อนคอยตรวจสอบวัดแรงดันน้ำ โดยหย่อนหัววัดปริมาณน้ำฝนลงไปในหลุมลึก 100 เมตร เพื่ออ่านค่า และนำข้อมูลกลับมาป้อนลงคอมพิวเตอร์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลแปลงเป็นแรงดันน้ำ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาคใต้มีฝนตกชุกเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานตรวจวัดได้ไม่ ตรงตามตารางเวลา ค่าวิเคราะห์ที่เก็บต่างเวลาอาจส่งผลให้การคำนวณคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ได้ ระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อน เป็นผลงานที่ทีมวิจัยเนคเทคพัฒนาขึ้นในปี 2551 และนำร่องใช้งานที่ เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวเป็นแห่งแรก โดยความร่วมมือกับกองความปลอดภัยเขื่อน ฝ่ายบำรุงรักษาโยธา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้นทุนต่ำ ใช้งานง่าย รายงานผลแรงดันน้ำในเขื่อนได้ตลอดเวลา เนคเทคมี แผนจะขยายผลงานวิจัยดังกล่าวไปยังเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ใช้เทคโนโลยีของออสเตรเลีย หลังจากใช้งานผ่านไป 10 ปีต้องเสียค่าซ่อมบำรุงกว่า 10 ล้านบาท โดยอาศัยช่างบำรุงจากต่างชาติโดยตรง นายมะโนช มากจันทร์ หัวหน้ากองบำรุงรักษาโยธา เขื่อนรัชชประภา กล่าวว่า ระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำในเขื่อน ช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเขื่อนทำงานได้ง่าย และสะดวกขึ้น โดยข้อมูลที่ได้สามารถส่งให้ฝ่ายบำรุงรักษาโยธา สามารถจัดสรรงบประมาณในการดูแลความมั่นคงของเขื่อนได้อย่างเหมาะสม หลังจากนี้ กองบำรุงรักษาโยธาเขื่อนรัชชประภา มีแผนขยายการติดตั้งให้ครอบคลุมทั้ง 27 หลุม จาก 19 หลุม ด้วยงบ 10 ล้านบาท คาดว่าจะใช้งบติดตั้งเพิ่มประมาณ 6 ล้านบาทจนแล้วเสร็จ








Environmental object คือ ความปลอดภัยของเขื่อน





ที่มา : เนคเทคติดตั้งเซ็นเซอร์เฝ้าระวังเขื่อนแตก [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://siweb.dss.go.th/news/show_abstract.asp?article_ID=2908.  (วันที่สืบค้นข้อมูล : 23 กรกฎาคม 2555).



น.ส.ประภาพรรณ   มีทอง (เกด)

2 ความคิดเห็น:

  1. เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมากเพราะการที่เขื่อนแตกนั้นแน่นอนว่าไม่เกิดผลดีเป็นแน่ มิหนำซ้ำยังก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยป้องกัน ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยคลายความวิตกกังวลของประชาชนลงได้

    นางสาวหิรัญญิกา ศรีวงษ์กลาง(จ๋อม)

    ตอบลบ
  2. หากทุกเขื่อนมีอุปกรณ์นี้ติดตั้งก็จะดีไม่น้อย เนื่องจากการซ่อมแซมเขื่อนนั้นต้องใช้เงินและทรัพยากรมากมาย อีกทั้งถ้ามีตัวเซนเซอร์นี้ ยังทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย


    น.ส.ศศิธร ระหงษ์ (ตุลา)

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น