วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางทหาร เครื่องมือช่วยตัดสินใจในสนามรบยุคใหม่
ท่ามกระแสความสับสนวุ่นวายในปัจจุบัน การดำเนินการใด ๆ ก็ตามล้วนแต่มีความต้องการกระบวนการในการตัดสินใจ (Decision Making Process: DMP) ที่มีประสิทธิภาพ มีวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ มากกว่าจะทำการตัดสินใจตามความรู้สึกนึกคิด ซึ่งกระบวนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพนั้นจะช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำและลดความเสี่ยง รวมถึงลดความสูญเสียหรือเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดไป โดยคำถามที่ตามมาก็คือแล้วเราจะทำอย่างไรให้เรามีกระบวนการในการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์หรือสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าพิจารณาในกรอบของการดำเนินการทั่วไปปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ เอกชน และภาคราชการแล้ว ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศได้มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการตัดสินใจ ด้วยการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Decision Support System (DSS)

                นอกเหนือจาก ภาคธุรกิจ เอกชน และภาคราชการ ที่มีการนำระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ มาใช้งานแล้ว ในกิจการทหารเองก็มีการนำระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจมาใช้งาน โดยเรียกว่า ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางทหาร (Military Decision Support System: MDSS) ทั้งนี้เพราะการปฏิบัติการทหารนั้นมีผลเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของชาติที่จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัย ในฐานะเป็นกำลังอำนาจของชาติ นอกจากนี้ การปฏิบัติการทางทหารยังเกี่ยวข้องกับความรุนแรงการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้นย่อมจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและนำมาซึ่งความสูญเสียในที่สุด

                ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจนั้นได้เกิดขึ้นมาในช่วงปลาย ทศวรรษที่ 50 และต้นทศวรรษที่ 60 ของศตวรรษที่ 20 โดยการศึกษาและค้นคว้าวิจัยของสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ คือ Carnegie Institute of Technology ที่ศึกษาถึงทฤษฏีและรวบรวมแนวคิดในการตัดสินใจ พร้อม ๆ กับ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ที่ศึกษาค้นคว้าเทคนิคและวิธีในการตอบสนองของระบบคอมพิวเตอร์ต่อผู้ใช้ และต่อมาในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 เริ่มมีการวิจัยระบบสนับสนุนการตัดสินใจ และมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในทศวรรษที่ 80 ของศตวรรษเดียวกัน และในทศวรรษนี้ได้ให้ความสนใจกับการตัดสินที่มีผู้ตัดสินใจมากกว่า 1 คน ซึ่งได้แก่แนวคิด ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง (Executive Information Systems: EIS) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม (Group Decision Support Systems: GDSS) และ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจขององค์กร (Organizational Decision Support Systems: ODSS) ถัดมาในทศวรรษที่ 90 ของศตวรรษเดียวกันได้มีการพัฒนาแนวคิดในเรื่องของ คลังข้อมูล (Data Warehouse: DW) และ OLAP (On-line Analytical Processing: OLAP) และปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทำให้เกิดอินเตอร์เน็ตขึ้น ระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจจึงถูกพัฒนาขึ้นให้มีลักษณะใช้งานผ่านเว็บ (Web-Based Analytical Applications)

                ระบบสนับสนุนการตัดสินใจนั้นได้มีผู้ที่ให้คำจำกัดความไว้จำนวนมากดังเช่น เทอแบน (Turban, E., “Decision Support and Expert Systems: Management Support Systems” Englewood Cliffs, N.J., Prentice Hall, 1995) ได้ให้ความหมายของระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจไว้ว่าระบบสารสนเทศสำหรับช่วยเหลือให้การตัดสินใจดีขึ้น โดยมีขีดความสามารถในการตอบสนองต่อผู้ใช้งาน มีความอ่อนตัว และสามารถปรับการประมวลผลได้ตามสภาวะแวดล้อม (Adaptability) โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการตัดสินใจสำหรับสถานการณ์ที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นโครงสร้าง (Non-Structured) ด้วยการจัดใช้ประโยชน์จากข้อมูลต่าง ๆ ที่มี และง่ายต่อการเลือกใช้งานของผู้ตัดสินใจ เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาที่ต้องตัดสินใจได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นหรือ สเปรกย์ และคาร์ลสัน (Sprague, R. H. and E. D. Carlson, “Building Effective Decision Support Systems”, Englewood Cliffs, N.J., Prentice-Hall, 1982) ได้กล่าวระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้งานในการตัดสินใจ โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลและแบบจำลองในการแก้ปัญหาที่ไม่มีโครงสร้างจากความหมายในข้างต้นเหล่านี้สามารถสรุปความหมายของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยเหลือในกระบวนการตัดสินใจของมนุษย์

                โดยทั่วไปแล้วลักษณะของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้จะมีอยู่ 3 ลักษณะคือ 1) ปัญหาแบบมีโครงสร้าง (Structured Problem) เป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถหาแนวทางการแก้ปัญหาได้ด้วยกระบวนการที่ชัดเจน 2) ปัญหาแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Problem) เป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแก้ปัญหาได้ด้วยการใช้ประสบการณ์ หรือความรู้ที่มีอยู่ก่อนแล้วมาใช้แก้ปัญหาโดยการปรับแต่งวิธีการให้เหมาะสม และ 3) ปัญหาแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Problem) เป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะต้องใช้แนวทางที่อาศัยการคาดการณ์ เดา หรือ สุ่ม ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ สำหรับการใช้งานของระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจนั้นโดยทั่วไปแล้วจะถูกนำมาใช้กับปัญหาในลักษณะ ที่ไม่มีโครงสร้าง และแบบกึ่งโครงสร้าง

                สำหรับองค์ประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจนั้นโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วย 1) ส่วนจัดการข้อมูล (Data Management) ที่ทำหน้าที่จัดการข้อมูลและสารสนเทศต่างให้เป็นกลุ่มเป็นหมวดหมู่เพื่อความสะดวกในการนำไปประมวลผลต่อไป 2) ส่วนจัดการแบบจำลอง (Model Management) ในส่วนนี้จะทำหน้าที่ในการจัดการทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับแบบจำลองต่าง ๆ ที่ต้องนำมาใช้งาน 3) ส่วนติดต่อสื่อสาร (Communication) ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานจะทำการติดต่อสื่อสารกับระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจผ่านส่วนนี้  และนอกเหนือจากองค์ประกอบทั้ง 3 ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินในปัจจุบันมีความต้องการ ส่วนที่ 4 เพิ่มเติมขึ้นมา นั่นคือ 4) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ที่จะคอยช่วยให้องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวแต่ละคนถูกดึงมาไว้ที่องค์กรโดยมีระบบจัดการความรู้ (Knowledge Management System) เป็นส่วนที่คอยดึงความรู้ที่อยู่ในตัวบุคลากร (Tacit Knowledge) มาจัดเก็บในระบบให้เป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้

                ด้วยนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนเปลี่ยนต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติการทางทหาร ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติการทางทหารในสงคราม (การรบ) หรือ การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือสงคราม (Military Operations Other Than War: MOOTW) โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจในการปฏิบัติการทางทหาร 4 ประการ (ทอทหาร, “กระบวนการตัดสินใจของมนุษย์กับสภาวะแวดล้อมทางสนามรบที่เปลี่ยนแปลง”, http://tortaharn.net) คือ 1) ระบบสารสนเทศ (Information Systems) ที่ช่วยเหลือจัดการให้สารสนเทศที่มีอยู่นั้นมีการจัดเก็บที่เป็นระบบและสะดวกในการนำมาใช้งาน 2) ระบบอัตโนมัติ (Autonomous Systems) ที่นำสารสนเทศที่จัดเก็บไว้มาประมวลผลและนำผลไปดำเนินการโดยปราศจากการตัดสินใจของมนุษย์ 3) ความเร็ว (Speed) ที่ระบบอาวุธในสมัยใหม่มีความเร็วสูงมากและบางระบบอาวุธบางประเภทมีความเร็วเท่าแสง เช่น Directed Energy Weapons เลเซอร์ พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ ทำให้การตัดสินใจของมนุษย์ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน 4) ขนาด (Size) นวัตกรรมอย่างเช่น นาโนเทคโนโลยี (Nano-technology) ที่ทำให้ระบบอาวุธมีขนาดเล็กลง ยากต่อการตรวจจับและควบคุม

                การตัดสินใจในทางทหารนั้นจะมีระดับของการตัดสินใจอยู่ 3 ระดับคือ

                1) การตัดสินใจระดับยุทธวิธี (Tactics Decision Making) ที่เป็นเรื่องของการตัดสินใจตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดในระหว่างปฏิบัติการทางทหารของหน่วยในสนาม เช่น กระบวนการแสวงข้อตกลงใจของหน่วยระดับกองพันในการเข้าตีโต้ตอบ

                2) การตัดสินใจระดับยุทธการ (Operations Decision Making) เป็นเรื่องของการตัดสินใจในระดับที่มีการผสมผสานการใช้กำลังทหารจากส่วนต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแผนงานที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เช่น การวางแผนการเคลื่อนย้ายกำลังเข้าสู่ประเทศอิรักของสหรัฐ ฯ ในยุทธการปลดปล่อยชาวอิรัก (Operations Iraqi Freedom)

                3) การตัดสินใจระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Decision Making) เป็นเรื่องของการกำหนดยุทธศาสตร์ของกองทัพ และรวมไปถึงการตอบสนองต่อปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการอำนาจการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจ เช่น การตัดสินใจปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ ฯ เข้าโจมตีสหภาพโซเวียต หรือ การกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

                ดังนั้นเมื่อระดับของการตัดสินใจทางทหารมีอยู่ 3 ระดับ แนวทางหรือกระบวนการตัดสินใจในระดับต่าง ๆ ล้วนแต่มีความต้องการเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เกี่ยวข้องในระดับต่าง ๆ มีการตัดสินใจที่แม่นยำ ถูกต้อง และ นำมาซึ่งความสำเร็จ ปัจจุบันการนำระบบสารสนเทศมาประยุกต์ใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญและต้องได้รับการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับความต้องการในระดับต่าง ๆ

                เมื่อสภาวะแวดล้อมของการปฏิบัติการทางทหารเปลี่ยนแปลงไปทำให้กระบวนการตัดสินใจทางทหารหรือชื่อที่เรียกกันในภาษาทหารคือการแสวงข้อตกลงใจนั้นได้นำเอาระบบสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ช่วยเหลือในการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศนี้จะมีชื่อกันเป็นที่รู้จักคือ ระบบ C3I (Command, Control, Communication, and Intelligence System) ในยุคก่อน หรือพัฒนาขึ้นเป็น C4I (Command, Control, Communication, Computer, and Intelligence) และปัจจุบันจะนิยมเรียกว่าระบบ C4ISR (Command, Control, Communication, Computer, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) โดยระบบเหล่านี้จะเปรียบเสมือนโครงสร้างพื้นฐานในการตัดสินใจของผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการการปฏิบัติการทางทหารนั้น ๆ ด้วยการใช้ข้อมูล/สารสนเทศที่ไหลเวียนอยู่ในระบบ (Information Flow) ที่มีการเชื่อมต่อไปยังหน่วยระดับต่าง ๆ ตั้งแต่หน่วยปฏิบัติในสนามจนไปถึงหน่วยบังคับบัญชาระดับสูงประกอบในการตัดสินใจ

                การทำงานของระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจนั้นนอกเหนือจากจะนำข้อมูล/สารสนเทศ มาประมวลผลในการใช้งานแล้ว โดยทั่วไประบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ จะมีขีดความสามารถในการจำลองสภาวะแวดล้อมลงในระบบด้วย เพื่อให้กระบวนการในการตัดสินใจมีความ เหมือนจริง เม่นยำ สอดคล้อง โดย การใช้ข้อมูล/สารสนเทศใน ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางทหารจะมีอยู่หลายลักษณะได้แก่

                1) ใช้ข้อมูล/สารสนเทศจริงพร้อมกับจำลองสภาวะแวดล้อมจริงมาประมวลผลร่วมกันแล้วนำไปใช้งาน การใช้ข้อมูล/สารสนเทศในลักษณะนี้มักจะเป็นการตัดสินใจในสถานการณ์จริงที่ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่

                2) ใช้ข้อมูล/สารสนเทศที่สมมุติพร้อมกับจำลองสภาวะแวดล้อมจริงมาประมวลผลร่วมกันแล้วนำไปใช้งาน ส่วนใหญ่แล้วการใช้งานลักษณะนี้จะเป็นการใช้เพื่อการทำแผน หรือ เพื่อการฝึก

                3) ใช้ข้อมูล/สารสนเทศจริงพร้อมกับจำลองสภาวะแวดล้อมใหม่มาประมวลผลร่วมกันแล้วนำไปใช้งาน การใช้งานลักษณะนี้มักจะนิยมใช้ประกอบการทำแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว

                4) ใช้ทั้งข้อมูล/สารสนเทศและสภาวะแวดล้อมที่สมมติขึ้น การใช้งานลักษณะนี้มักจะนิยมใช้กับการฝึก

                สำหรับกองทัพไทยนั้นได้มีความพยายามที่จะนำระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจมาใช้งาน โดยเริ่มแรกนั้นจะนำมาใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อการฝึก และพัฒนาทักษะของผู้บังคับหน่วยและฝ่ายเสนาธิการ แต่ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะนำระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจมาใช้งานเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์จริง รวมถึงพยายามที่จะนำไปใช้กับกำลังพลในทุกระดับ ซึ่งก็มีทั้งระบบที่กำลังพลของกองทัพพัฒนาขึ้นเองและกองทัพจ้างบริษัทเอกชนทำ แต่การใช้งานระบบดังกล่าวก็ยังคงมีข้อจำกัด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นจากกำลังพลของกองทัพที่ขาดความเข้าใจ ไม่มีการปรับตัว และยึดมั่นถือมั่นในวิธีการเก่า ๆ ที่เคยทำมาโดยไม่พยายามที่จะเรียนรู้ เช่น ความการตัดสินใจโดยใช้ประสบการณ์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง รวมถึงการต่อต้านกระบวนการและวิธีใหม่ ๆ เช่น มีมุมมองว่ากระบวนการตัดสินใจทางทหารเป็นกระบวนการที่ใช้แนวคิดของวิชาทางสังคมศาสตร์ไม่สามารถนำกระบวนการที่เป็นวิทยาศาสตร์มาใช้งานได้ ทั้ง ๆ ที่จะต้องมีการใช้ทั้งแนวคิดทางสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ร่วมกัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นอุปสรรค์ที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนากองทัพให้มีขีดความสามารถที่จะรองรับกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้ากำลังพลของกองทัพยังไม่มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตนเองโดยเริ่มตั้งแต่ผู้นำกองทัพระดับสูงลงมาจนถึงพลทหารคนสุดท้ายแล้ว ระบบสารสนเทศต่าง ๆ ที่กองทัพพยายามจัดหามาก็ไม่มีประโยชน์มากมายอะไรนักรังแต่จะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน เรื่องเหล่านี้คงเป็นหน้าที่ ของทหารทุกนาย ที่เกี่ยวข้องคงต้องช่วยกันปรับทัศนคติแลมองไปข้างหน้าร่วมกัน……..


ชินบัญชร์ ร้านจันทร์ (โจ้)

1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นบทความที่น่าสนใจ เพราะสำหรับกองทัพไทยนั้นได้มีความพยายามที่จะนำระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจมาใช้งาน โดยเริ่มแรกนั้นจะนำมาใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อการฝึก และพัฒนาทักษะ ซึ้งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

    น.ส.วรรณธกานต์ พยุงวงษ์ (วิว)

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น