ในงานถนนเทคโนโลยี 2555 ซึ่งจัดโดย บริษัท อสมท จำกัด
(มหาชน)เมื่อเร็วๆนี้ ได้จัดให้มีการประกวด
“นวัตกรรมการสำรวจทางภูมิศาสตร์(GIS)” หรือระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ขึ้น
เพื่อให้ได้ผลงานที่จะสามารถนำมาต่อยอดเพื่อใช้งานในการจัดการกับปัญหา
น้ำท่วม การจัดการป่าไม้และบุกรุกทำลายป่า ปัญหาจราจร
ปัญหาการขยายตัวของชุมชน ฯลฯ
การตัดสินของคณะกรรมการ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดปีนี้คือ คือ “อากาศยานไร้นักบินเพื่อสำรวจภัยพิบัติการเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ” ของ บริษัท สยามยูเอวี อินดัสตรีส์ จำกัดโดย นายพีร์ ศรีวารีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยูเอวี อินดัสตรีส์ จำกัด กล่าวว่า อากาศยานไร้นักบิน หรือ UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ที่ได้ส่งเข้าประกวดแล้วได้รับรางวัลเป็นรุ่น อี 600(E 600) จากยูเอวี ที่บริษัทได้พัฒนาเริ่มขึ้นจนถึงปัจจุบันทั้งหมดรวม 9 รุ่น โดยอี 600 ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2550 จนสำเร็จในปี 2553 ได้รับการออกแบบ โดยอาจารย์จากโรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งจบปริญญาเอกในด้านการออกแบบอากาศยานโดยตรงลำตัวของเครื่องบินผลิตจากคาร์บอนคอมโพสิต ความยาวของปีก 3.2 เมตร น้ำหนัก 4 กิโลกรัม บรรทุกของได้ 5 กิโลกรัม รวมน้ำหนักอากาศยานและการบรรทุกได้สูงสุด 9 กิโลกรัม บินทำความเร็วได้สูงสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินทำความสูงได้ 2,000 เมตร จากระดับพื้นดิน มีการติดกล้องเพื่อใช้ถ่ายภาพได้ทั้งภาพกลางวันและกลางคืน โดยมีกล้องคอมแพ็คเพื่อใช้ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 14 ล้านพิกเซล และกล้องเพื่อใช้ถ่ายภาพวิดีโอ ความละเอียด 36 ล้านพิกเซล เครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ สามารถทำการบินได้นานสูงสุด 1 ชั่วโมง ด้วยระยะทางไกล 60 กิโลเมตร ต่อการชาร์ทแบตเตอรี่หนึ่งครั้งระบบการบังคับใช้การควบคุมจากพื้นดินผ่านแล็ปทอป หรือ คอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ค โดยเมื่อจะนำอากาศยานไร้นักบิน ปฎิบัติภารกิจรสำรวจอะไรในพื้นที่ไหน ก็ป้อนคำสั่งลงโน็ตบุ๊ค โดยกำหนดละติจูด และลองติจูด พิกัดจีไอเอสที่จะให้ทำการบินไปปฎิบัติภารกิจ จากนั้นคำสั่งจะถูกส่งไปยังระบบควบคุมของอากาศยานไร้นักบิน และเมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้วก็จะบินกลับมายังจุดเดิมทั้งนี้อากาศยานรุ่น อี 600 การบินขึ้น-ลง ยังต้องใช้คนในการบังคับและยังไม่สามารถบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ ซึ่งการนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ จำเป็นต้องสำรวจและเคลียร์เส้นทางการบินว่าไม่มี ต้นไม้ อาคารสูง หรือภูเขา ฯลฯ เป็นสิ่งกีดขวาง อย่างไรก็ตามเจ้าของผลงานบอกว่า อากาศยานรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ได้มีการคิดค้นและพัฒนาที่จะทำให้เครื่องสามารถบินขึ้น-ลงได้เอง และบินหลบสิ่งกีดขวางได้ แต่ต้องใส่เครื่องมือและอุปกรณ์ อาทิ ตัวเซ็นเซอร์ เข้าไป ซึ่งจะทำให้อากาศยานไร้คนขับมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ให้ทำการบินได้ระยะทางสั้นและบินได้ระยะเวลาน้อยลง จึงไม่ได้นำมาใส่ในรุ่นนี้อากาศยานไร้คนขับลำนี้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น บินสำรวจการบุกรุกป่า เก็บข้อมูลภาพถ่ายวิดีโอ และภาพนิ่ง ซึ่งในช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ถูกนำไปใช้งานในการบินสำรวจพื้นที่น้ำท่วมบริเวณรังสิต เพื่อเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาใช้ในการประเมินสถานการณ์เพื่อแก้ไข ปัญหา นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในการเกษตร คือบินสำรวจไร่อ้อยในมุมสูงให้กับเกษตรเพื่อดูว่าอ้อยที่ปลูกสามารถที่จะ เก็บเกี่ยวได้หรือยัง
การตัดสินของคณะกรรมการ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดปีนี้คือ คือ “อากาศยานไร้นักบินเพื่อสำรวจภัยพิบัติการเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ” ของ บริษัท สยามยูเอวี อินดัสตรีส์ จำกัดโดย นายพีร์ ศรีวารีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยูเอวี อินดัสตรีส์ จำกัด กล่าวว่า อากาศยานไร้นักบิน หรือ UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ที่ได้ส่งเข้าประกวดแล้วได้รับรางวัลเป็นรุ่น อี 600(E 600) จากยูเอวี ที่บริษัทได้พัฒนาเริ่มขึ้นจนถึงปัจจุบันทั้งหมดรวม 9 รุ่น โดยอี 600 ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2550 จนสำเร็จในปี 2553 ได้รับการออกแบบ โดยอาจารย์จากโรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งจบปริญญาเอกในด้านการออกแบบอากาศยานโดยตรงลำตัวของเครื่องบินผลิตจากคาร์บอนคอมโพสิต ความยาวของปีก 3.2 เมตร น้ำหนัก 4 กิโลกรัม บรรทุกของได้ 5 กิโลกรัม รวมน้ำหนักอากาศยานและการบรรทุกได้สูงสุด 9 กิโลกรัม บินทำความเร็วได้สูงสุด 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินทำความสูงได้ 2,000 เมตร จากระดับพื้นดิน มีการติดกล้องเพื่อใช้ถ่ายภาพได้ทั้งภาพกลางวันและกลางคืน โดยมีกล้องคอมแพ็คเพื่อใช้ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 14 ล้านพิกเซล และกล้องเพื่อใช้ถ่ายภาพวิดีโอ ความละเอียด 36 ล้านพิกเซล เครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ สามารถทำการบินได้นานสูงสุด 1 ชั่วโมง ด้วยระยะทางไกล 60 กิโลเมตร ต่อการชาร์ทแบตเตอรี่หนึ่งครั้งระบบการบังคับใช้การควบคุมจากพื้นดินผ่านแล็ปทอป หรือ คอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊ค โดยเมื่อจะนำอากาศยานไร้นักบิน ปฎิบัติภารกิจรสำรวจอะไรในพื้นที่ไหน ก็ป้อนคำสั่งลงโน็ตบุ๊ค โดยกำหนดละติจูด และลองติจูด พิกัดจีไอเอสที่จะให้ทำการบินไปปฎิบัติภารกิจ จากนั้นคำสั่งจะถูกส่งไปยังระบบควบคุมของอากาศยานไร้นักบิน และเมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้วก็จะบินกลับมายังจุดเดิมทั้งนี้อากาศยานรุ่น อี 600 การบินขึ้น-ลง ยังต้องใช้คนในการบังคับและยังไม่สามารถบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ ซึ่งการนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ จำเป็นต้องสำรวจและเคลียร์เส้นทางการบินว่าไม่มี ต้นไม้ อาคารสูง หรือภูเขา ฯลฯ เป็นสิ่งกีดขวาง อย่างไรก็ตามเจ้าของผลงานบอกว่า อากาศยานรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ได้มีการคิดค้นและพัฒนาที่จะทำให้เครื่องสามารถบินขึ้น-ลงได้เอง และบินหลบสิ่งกีดขวางได้ แต่ต้องใส่เครื่องมือและอุปกรณ์ อาทิ ตัวเซ็นเซอร์ เข้าไป ซึ่งจะทำให้อากาศยานไร้คนขับมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ให้ทำการบินได้ระยะทางสั้นและบินได้ระยะเวลาน้อยลง จึงไม่ได้นำมาใส่ในรุ่นนี้อากาศยานไร้คนขับลำนี้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น บินสำรวจการบุกรุกป่า เก็บข้อมูลภาพถ่ายวิดีโอ และภาพนิ่ง ซึ่งในช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ถูกนำไปใช้งานในการบินสำรวจพื้นที่น้ำท่วมบริเวณรังสิต เพื่อเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาใช้ในการประเมินสถานการณ์เพื่อแก้ไข ปัญหา นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในการเกษตร คือบินสำรวจไร่อ้อยในมุมสูงให้กับเกษตรเพื่อดูว่าอ้อยที่ปลูกสามารถที่จะ เก็บเกี่ยวได้หรือยัง
อย่างไรก็ตามในด้านความมั่นคงและทางการทหารก็สามารถใช้ปฎิบัติภารกิจ
เพื่อสำรวจกำลังของข้าศึกฝ่ายตรงข้ามในสมรภูมิสงครามว่ามีจำนวนมากน้อยเพียง
ใดได้ด้วย“บริษัทใช้งบประมาณในการวิจัยและพัฒนาอากาศยานไร้คนขับไปแล้วกว่า 10
ล้านบาท จนได้ผลงานออกมาทั้งหมด 9 รุ่น ที่ผ่านมาอากาศยานไร้คนขับรุ่นอี
400 ได้ถูกต่างชาติซื้อไปเพื่อใช้งานด้านป่าไม้ในต่างประเทศ
ส่วนรุ่นที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ก็มีหน่วยงานต่างๆสนใจและติดต่อเข้ามาเพื่อ
นำไปทดลองใช้งานบ้างแล้ว”
นายพีร์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการพัฒนาอากาศยานไร้นักบินของไทย
ยังขาดแคลนบุคคลกรด้านนี้
เนื่องจากต้องอาศัยความรู้และเชี่ยวชาญในหลายๆด้าน
ทั้งเรื่องการออกแบบโครงสร้าง แอร์โรไดนามิก การเขียนซอฟท์แวร์
และการพัฒนาระบบควบคุม ซึ่งจะหาคนๆเดียวที่มีความรู้ในทุกเรื่องยากมาก
จึงต้องอาศัยคนที่มีความรู้ในแต่ละด้านเข้ามาทำงานร่วมกันสำหรับการต่อยอดผลงาน คุณพีร์ บอกว่า
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาอากาศยานไร้คนขับให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
และทำการบินได้นานมากขึ้น
โดยจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเป็นระบบเชื้อเพลิงแทนพลังงานจากแบตเตอรี่
คาดว่าจะพัฒนาได้สำเร็จเร็วๆนี้.
ที่มา : อากาศยานไร้นักบินเพื่อสำรวจภัยพิบัติ. [ออนไลน์].
เข้าถึงข้อมูลได้จาก http://www.dailynews.co.th/technology/121446.(วันที่สืบค้นข้อมูล : 22สิงหาคม2555).
นางสาวหิรัญญิกา ศรีวงษ์กลาง(จ๋อม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น