วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คะตะไลติก คอนเวอเตอร์ อุปกรณ์บำบัดแก๊สพิษ

     ในยุคที่โลกกำลังตื่นตัว กับปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะแวดล้อมเป็นพิษ ทำให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม องค์การมาตรฐานสากล องค์การค้าโลก ได้ออกมากำหนดมาตรการต่างๆ ขึ้นเพื่อช่วยเหลือ ในการปรับปรุงพื้นฟู สภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ให้กลับคืนสู่สมดุลธรรมชาติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติรุ่นต่อๆ ไป
    ปัญหามลพิษทางอากาศ ค่อนข้างจะเป็นปัญหาที่สำคัญ และทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ทุกชนิดบนผืนโลก ที่อาศัยอากาศเป็นปัจจัยในการดำรงชีพ การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ อาจจะแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยกำจัดแหล่งมลพิษ หรือการจัดการกับมลพิษที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แหล่งมลพิษทางอากาศที่สำคัญ คือ การปลดปล่อยแก๊สพิษ ที่ได้จากกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะที่ออกมาจาก ท่อไอเสียรถยนต์ หรือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง ปัญหานี้เกิดรุนแรงมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปี ค.ศ. 1940 ทำให้มีการคิดค้นวิธีการบำบัดอากาศเสีย ด้วยสารตัวเร่งปฏิกิริยาในปี 1950 และออกเป็นกฎหมายควบคุม ให้รถยนต์ติดตั้งอุปกรณ์บำบัดแก๊สพิษ ตั้งแต่ปี 1974 และในปี 1975 เริ่มบังคับใช้ในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันรถยนต์ทุกคัน ในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ บำบัดแก๊สพิษนี้ ซึ่งเรียกว่า “คะตะไลติก คอนเวอเตอร์ (catalytic converter)” เข้ากับท่อไอเสียรถยนต์ สำหรับประเทศไทย ได้ออกพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 บังคับให้รถยนต์ใหม่ตั้งแต่ปี 2536 ที่ใช้เบนซินเป็นเชื้อเพลิงต้องติดตั้ง Catalytic converter ในระบบไอเสีย
    Catalytic converter เป็นเครื่องมือที่ใช้ สารตัวเร่งปฏิกิริยา ในการเปลี่ยนแปลง สารประกอบพิษ 3 ชนิด คือ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ให้กลายเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และไนโตรเจน ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ Catalytic converter ประกอบด้วย ส่วนที่ทำหน้าที่เป็น ตัวรองรับหรือที่เรียกว่า Supporter ทำจากเซรามิก มีความพรุนตัวสูง และเคลือบด้วยโลหะราคาแพง เช่น แพลทินัม พัลลาเดียม โรเดียม ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เมื่อแก๊สพิษที่เกิดจากกระบวนการสันดาป ของเครื่องยนต์ ที่ไม่สมบูรณ์ ปล่อยออกมาทางท่อไอเสียผ่านตัว Catalytic converter โลหะที่เคลือบอยู่บน ตัวรองรับจะจับแก๊สดังกล่าว และเร่งให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น-รีดักชั่น คาร์บอนมอนอกไซด์ และไฮโดรคาร์บอน จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ได้คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ส่วนไนโตรเจนออกไซด์ สาเหตุของฝนกรด จะทำปฏิกิริยากับไฮโดรเจนได้ไนโตรเจนและน้ำ ปล่อยสู่บรรยากาศ จะเห็นได้ว่า หากปฏิกิริยาเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว โลกของเราจะไม่ประสบกับ ปัญหามลพิษทางอากาศ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ชนิดนี้มีราคาแพง และเป็นเทคโนโลยีใหม่ ควรได้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต ให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้ Catalytic converter เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ดีที่สุด คือ การกำจัดแหล่งที่มาของมลพิษ ดังนั้นหมู่มวลมนุษยชาติ จึงควรร่วมมือกันลดการเผาผลาญ น้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งโลกที่ใสสะอาดให้กับลูกหลานสืบไป

ที่มา
 คะตะไลติก คอนเวอเตอร์ อุปกรณ์บำบัดแก๊สพิษ[ออนไลน์];เข้าถึงข้อมูลได้จากhttp://www.material.chula.ac.th/RADIO44/august/radio8-6.htm 
(วันที่สืบค้นข้อมูล 22 สิงหาคม 2555)

น.ส  สุภัทรา  พึ่งพเดช (แหม่ม)

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. จากบทความ นับว่าเป็นประโยชน์มากในปัจจุบันที่จะช่วยลดปัญหาในด้านมลพิษทางอากาศ ถ้าหากสามารถนำมาใช้ได้อย่างทั่วถึง แต่อาจเป็นปัญหาในด้านการติดตั้ง ที่อาจไม่มีความปลอดภัยมากพอ ประสิทธิภาพของรถหลังติดตั้งแล้ว รวมไปทั้งราคาที่สูง เพราะเคลือบด้วยโลหะราคาแพง



    น.ส.ประภาพรรณ มีทอง (เกด)

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น