วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต : ออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะ จากงานก่อสร้าง


ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการกระตุ้นจิตสำนึกความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในภาคโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น หากแต่ทุกๆ ภาคธุรกิจจะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ตามกระแสความร้อนแรงของภาวะโลกร้อนที่เริ่มมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ
 จากความตื่นตัวต่อภาวะโลกร้อนนี้เอง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างเริ่มผสมผสานการออกแบบอาคารให้ลงตัวกับแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อม ตามเทรนด์นิยมที่เรียกว่า Green Design โดยทำการออกแบบอาคาร ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้น้อยที่สุด เพื่อลดปริมาณขยะ 60 ล้านตัน/ปี ที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารให้น้อยลง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการออกแบบอาคารเป็นจุดเริ่มต้นของการลดปริมาณขยะจากงานก่อสร้างก่อนที่จะนำไปสู่การเป็นนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป

การออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยความต่อเนื่อง
   ผศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต 
หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Design Principal เฟอร์นิเจอร์เพื่อสิ่งแวดล้อม แบรนด์ “OSISU” กล่าวว่าแนวคิดการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในแง่มุมของอุตสาหกรรมการออกแบบก่อสร้าง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสภาพแวดล้อมสรรค์สร้าง (Built Environment) ด้วยขนาดและปริมาณมวลในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างยังมีความต้องการใช้วัสดุต่างๆ มากถึง 40%ของจำนวนวัสดุกว่าพันล้านตันที่ผลิตขึ้นมาในโลก ดังนั้นแนวคิดการออกแบบในปัจจุบันจึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยระยะเวลาและการปลูกฝังจิตสำนึกให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อมิให้กลายเป็นเพียงกระแสสังคม ซึ่งยากมากในแง่ของการปฏิบัติจริง ภาครัฐต้องมีนโยบายที่ชัดเจนมีมาตรการที่เข้มแข็ง และต้องรีบดำเนินการในขณะที่ผู้คนในสังคมกำลังมีความตื่นตัวในเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างให้เกิดความต่อเนื่องทางความคิด



 ต้องคำนึงถึงบริบทแวดล้อมและการใช้พลังงานของอาคาร
      หัวใจสำคัญของการออกแบบนวัตกรรมอาคารสมัยใหม่ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม คือ การคำนึงถึงบริบทแวดล้อมและการใช้พลังงานของอาคาร ตั้งแต่พลังงานในการผลิตวัสดุ (Embodied Energy) พลังงานระหว่างการก่อสร้าง พลังงานเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ พลังงานในการใช้อาคารและพลังงานในการรื้อถอนหรือการนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse and Recycle) ซึ่งต้องยอมรับว่าวัสดุที่เลือกใช้ในการออกแบบก่อสร้างเป็นปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม และการประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากวัสu3604 ดุก่อสร้างต้องผ่านกระบวนการผลิต การขนส่ง การประกอบ รวมไปถึงการทุบทำลาย รื้อถอน หรือแม้กระทั่งการนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิล ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง จึงเป็นหัวใจหนึ่งของการออกแบบนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม
                นอกจากนี้การออกแบบนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ยังต้องมีความเหมาะสมในเชิงเศรษฐกิจสำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของอาคาร ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้อาคารได้เป็นอย่างดี เพื่อให้อาคารมีความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด
เศษวัสดุก่อสร้างจากการรื้อถอนทุบทำลายนำกลับมาใช้ใหม่ได้
       ผศ. ดร.สิงห์ 
ได้กล่าวว่า เพื่อให้อาคารมีศักยภาพในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง การออกแบบอาคารควรต้องคำนึงถึงกระบวนการรื้อถอน ทุบทำลาย เพื่อปรับปรุง ต่อเติมหรือสร้างใหม่ทดแทนด้วยเนื่องจากการรื้อถอน ทุบทำลาย ทำให้ปริมาณขยะจากงานก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าการออกแบบอาคารส่วนใหญ่กว่า 90% ไม่ได้คำนึงถึงการจัดการเศษซากวัสดุจากการรื้อถอน ทุบทำลายอาคารดังนั้นเพื่อให้ปริมาณขยะจากเศษวัสดุในงานก่อสร้างลดลง การออกแบบอาคารจึงควรต้องคำนึงถึงการนำเศษวัสดุดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้สามารถใช้วัสดุก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

       “เศษวัสดุก่อสร้างที่เหลือทิ้งจากการรื้อถอน ทุบทำลายสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษปูน กรอบประตู กรอบหน้าต่าง กรอบกระจก แผ่นพื้นปาร์เก้ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาคารนั้นๆ ได้มีการวางแผนและออกแบบไว้ล่วงหน้าจะทำให้การนำเศษวัสดุกลับมาใช้ใหม่มีขั้นตอนที่ง่ายขึ้น ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนในการดำเนินการ ซึ่งนักออกแบบควรให้ความสำคัญและคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วย


ปรับภูมิทัศน์โดยรอบอาคารช่วยประหยัดพลังงาน
      สำหรับอาคารต่างๆ ที่ได้ก่อสร้างไปแล้ว โดยไม่ได้ทำการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือการประหยัดพลังงานไว้ล่วงหน้า อาจทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมหรือภูมิทัศน์ของอาคารอย่างง่ายๆ ด้วยการลดการใช้เครื่องปรับอากาศภายในอาคารให้น้อยลง และปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศอย่างเหมาะสม ควบคู่กับ  การปรับปรุงอาคาร เช่น ติดตั้งแผงกันแดดนอกอาคารเพื่อป้องกันมิให้ความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารตลอดจนปรับภูมิทัศน์โดยรอบอาคาร เช่น การปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา และบังแดดให้แก่อาคาร เป็นต้นทั้งนี้การปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงากับอาคารจะต้องตระหนักถึงพันธุ์ไม้ที่เลือกปลูกด้วย เพื่อให้ต้นไม้เหล่านั้นส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมของอาคารได้อย่างแท้จริง ซึ่งต้นไม้ใหญ่ที่เลือกปลูกเพื่อปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้เอื้อต่อการประหยัดพลังงานนั้นจะต้องมีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ สามารถให้ร่มเงา ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี ทนทาน และดูแลรักษาง่ายไม่ใช่คำนึงถึงเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น
 ปรับทัศนคติและแนวคิดการออกแบบสร้างนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม
       ผศ. ดร.สิงห์ 
กล่าวว่า การออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมต้องมีความยั่งยืน จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดดังนั้นการสร้างคุณค่าของงานออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมจะต้องมีความต่อเนื่อง และมีความสมดุลทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อม ซึ่งกุญแจแห่งความสำเร็จของการออกแบบนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมประการหนึ่ง ก็คือ การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ กับสถาปนิก นักออกแบบ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทีม เพื่อปรับทัศนคติ แนวความคิดในการออกแบบให้มีความสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงจะนำไปสู่การออกแบบนวัตกรรมอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมปรากฏออกมาได้อย่างชัดเจน

ปัญหาอย่างหนึ่งของการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ก็คือ การมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนกับภาควิชาการ โดยเฉพาะนักวิจัยจะมีแนวทางในการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องอาศัยการปรับตัวซึ่งกันและกัน เนื่องจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาควิชาการเป็นหัวจักรที่สามารถนำไปสู่การประยุกต์ใช้ได้จริง ทั้งการนำเศษวัสดุก่อสร้างเหลือใช้กลับมารีไซเคิล และการนำเศษวัสดุมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง
 หนุนงานวิจัยและพัฒนาทั้งระบบ Active และ Passive Design
      ปัจจุบันการวิจัยและพัฒนาด้านการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานในประเทศไทยยังคงมีความต่อเนื่อง โดยมีการนำผลการวิจัยและพัฒนาไปประยุกต์ใช้งานจริง งานวิจัยและพัฒนาดังกล่าวมีพื้นฐานการวิจัยที่สามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม กล่าวคือ การวิจัยและพัฒนาที่มุ่งเน้นระบบ Active Design มีความเชื่อมั่นในระบบปรับอากาศ ทำการศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการลดการใช้พลังงานเครื่องปรับอากาศในอาคารให้น้อยลง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งทำการศึกษาถึงระบบ Passive Design ซึ่งเป็นงานวิจัยและพัฒนาที่ทำการศึกษาบนพื้นฐานของการถ่ายเทความร้อนตามธรรมชาติและสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น (Vernacular Design) มุ่งเน้นเรื่องระบบการถ่ายเทอากาศ ป้องกันมิให้ความร้อนเข้าสู่ตัวอาคารได้โดยง่าย ตลอดจนปรับภูมิทัศน์โดยรอบอาคาร

      “จะเห็นว่าปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานได้เกิดขึ้นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Cool Wall, Cool Roof, Cool Floor, Green Roof และระบบไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ รวมไปถึงกระจกกันความร้อน สีทาผนังเพื่อลดความร้อนเข้าสู่อาคาร (Ceramic Coating) หรือแม้แต่ระบบ Co-Generation เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่าผลงานการวิจัยและพัฒนาได้รับการนำไปประยุกต์ใช้มากขึ้น ผศ. ดร.สิงห์ กล่าว
  ทั้งนี้การวิจัยและพัฒนามีความสำคัญต่อการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลการวิจัยและพัฒนาจะเป็นคำตอบที่นำไปสู่การประยุกต์ใช้ ทั้งยังทำให้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้รับการปรับปรุง แก้ไข ลดความเสี่ยงในการนำไปใช้งานอีกด้วย
Bio-Façade 


สำหรับอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมจากคณะสถาปัตย์ ม.เกษตรฯ
     ล่าสุดสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับผนังสีเขียวหรือ Bio-Façade ซึ่งเป็นการใช้ต้นไม้ประกอบอาคารให้เกิดประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในบริเวณซึ่งไม่สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ นำโดย รศ.พาสินี สุนากร, ชนิกานต์ ยิ้มประยูร และเกรียงศักดิ์ มั่นเสถียรสิน
                Bio-Façade หรือ Greenwall คือ การทำให้ผนังอาคารมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อน และการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้ไม้เลื้อยปลูกบนกรอบอาคาร มีลักษณะเป็นแผงกันแดดให้แก่อาคาร สำนักงาน หรืออาคารที่พักอาศัยที่ต้องการให้มีการระบายอากาศแบบธรรมชาติ
                สำหรับการทำ Bio-Façade สถาปนิกผู้ออกแบบจะต้องคัดเลือกต้นไม้ โดยใช้พันธุ์ไม้ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เติบโตเร็ว ดูแลรักษาง่าย มีความสวยงาม ปกคลุมได้ดีในแนวตั้ง มีความหนาแน่นปานกลาง และมีความสูงไม่ต่ำกว่าสามเมตร เพื่อปกคลุมอาคาร ลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารให้น้อยลง ส่งผลให้การใช้พลังงานภายในอาคารลดลง


 แฮปปี้แลนด์ แกรนด์ วิลล์ทาวน์โฮมประหยัดพลังงานรูปแบบใหม่
       ผศ. ดร.สิงห์ 
ได้ทดลองทำผนังต้นไม้ (Greenwall) โดยเน้นที่ไม้เลื้อย เพื่อลดความร้อนสู่อาคาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นการสร้างองค์ความรู้จนสามารถนำไปใช้งานจริงในบ้านพักอาศัยโครงการแฮปปี้แลนด์ แกรนด์ วิลล์ ซึ่งเป็นโครงการบ้านพักอาศัยแบบทาวน์โฮมที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุก่อสร้าง ได้รับการออกแบบให้มีความเป็นธรรมชาติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยผสานการออกแบบบ้านและนวัตกรรมด้านประหยัดพลังงานเข้าด้วยกัน แนวคิดการออกแบบบ้านโครงการแฮปปี้แลนด์ แกรนด์ วิลล์ ได้เลือกใช้ Greenwall เป็นผนังสีเขียวโอบล้อมตัวบ้านอย่างกลมกลืน ช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านให้แก่ผู้อยู่อาศัย ส่วนภายในบ้านจะเน้นวัสดุที่ใช้งานจริงและมีต้นไม้เข้ามาเป็นส่วนร่วมเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานภายในบ้านอีกด้วย

 เทคโนโลยีการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม
           เทคโนโลยีการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ยังได้รับการพัฒนาและนำไปประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่องในต่างประเทศขณะนี้มีอาคารประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน ที่ออกแบบโดยผสมผสานระหว่าง Active Design และ Passive Design เข้าด้วยกัน เช่นเดียวกับการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสม เช่น ระบบ Dynamic Insulation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบการถ่ายเทอากาศผ่านผนัง มีการควบคุมความดันอากาศระหว่างภายในและภายนอกอาคาร แล้วปรับอุณหภูมิแบบธรรมชาติ เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่มีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย รวมไปถึงเรื่องของ Double Skin Façade หรือการทำผนังสองชั้น ซึ่งความร้อนและความเย็นจากภายนอกจะถูกกั้นไว้ โดยมีช่องว่าง (Gap) เป็น Buffer Zone แต่อากาศสามารถถ่ายเทได้ ทำให้อากาศภายในอาคารและภายนอกอากาศไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นเทคนิคในการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีในหลายๆ ภูมิอากาศ



 ต้องเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
       อย่างไรก็ตามการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยนั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศด้วย เพื่อให้การเลือกใช้เทคโนโลยีต่างๆ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการประหยัดพลังงานได้อย่างแท้จริง แม้ว่าอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยทุกวันนี้จะยังมีจำนวนไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ แต่เชื่อว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีประกอบกับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประเทศไทยมีการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผศ. ดร.สิงห์ กล่าวในที่สุด







 Environmental object คือ เทคโนโลยีการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม

แหล่งที่มา :

ผศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต : ออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะ จากงานก่อสร้าง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.greennetworkthailand.com/system/?p=62 . (วันที่สืบค้นข้อมูล : 10 กรกฎาคม 2555). 

นางสาววรรณธกานต์  พยุงวงษ์ (วิว)



1 ความคิดเห็น:

  1. จากบทความนี้ทำให้ทราบว่า เราสามารถใช้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นแหล่งพลังงานแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ แล้วยังทราบอีกว่าวัสดุก่อสร้างที่ไม่ใช้แล้วก็ยังสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ นอกจะประหยัดแล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะได้อีกด้วย


    น.ส.ศศิธร ระหงษ์ (ตุลา)

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น