ชวลิต
จันทรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ทีมกรุ๊ป กล่าวว่า อุทกภัยปี 54 ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี
หลังน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ทรีมกรุ๊ปได้ให้ความเห็นแผนระยะสั้น
ส่วนใหญ่ตรงกับที่รัฐบาลใช้เป็นแผนเร่งด่วน เช่น ขุดลอกคลอง ซ่อมบานประตู
การพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำ กำหนดพื้นที่แก้มลิงที่สามารถควบคุมน้ำได้ นอกจากนี้
ทีมกรุ๊ปได้ให้ข้อมูลกับรัฐ เช่น กรมประทาน กรมทางหลวง กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้ดำเนินงานตามแผนงานระยะยาว 6-7 เดือนที่ผ่านมา
รัฐบาลใช้งบประมาณไปกว่า 20,000 ล้าน
โดยภายหลังทำงบขึ้นถึงแสนล้านแล้ว
      ในเวทีกรรมการผู้จัดการทีมกรุ๊ปเสนอโครงการแนวผันน้ำมอเตอร์เวย์
เป็นฟลัดเวย์ที่ไม่ใช้คลองธรรมชาติ โดยเห็นควรปรับปรุงนำแนวถนนวงแหวนรอบที่ 3
ด้านฝั่งตะวันออก เพิ่มพื้นที่ตรงกลางถนนอีก 180 เมตร ความยาว 140 กิโลเมตร เพื่อขุดเป็นคลองลึก 8
เมตร ระบายน้ำจาก จ.พระนครศรีอยุธยาลงมาสู่ทะเล อัตราความเร็ว 1,100
ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยมีบานประตู่ปิด-เปิดควบคุม
ซึ่งจากการศึกษาของทีมกรุ๊ปนอกจากแก้น้ำท่วมจะใช้ประโยชน์ในการเดินเรืออีกด้วย
เราใช้ข้อมูลมาสู่การออกแบบเบื้องต้นเป็นโครงการแนวผันน้ำมอเตอร์เวย์นี้
หากปริมาณน้ำมามากเท่าปี 54 จะช่วยจัดการน้ำ
รวมถึงเราเสนอปรับปรุงถนนสายหลักและสายรองอีก 11  สาย
ก็อยู่ในแผนงาน กรมทางหลวงต้องปรับปรุง
เพื่อให้ระบบสัญจรในช่วงน้ำท่วมไม่เป็นอัมพาต ระบบการผลิตไม่หยุดชะงัก
    อีกอุปสรรคสำคัญในการรับมือน้ำ
ชวลิตพบว่า เดิมคูคลองถูกรุกล้ำกีดขวางการระบายน้ำไม่ให้เต็มประสิทธิภาพ
แม้บางพื้นที่มีการขุดลอกคลองแล้วเสร็จ แต่สภาพจริงไม่เสร็จ
เพราะพื้นที่ครึ่งหนึ่งสูญเสียไปด้วยประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ในคลอง
บางพื้นที่ขุดลอกไม่ได้ แล้วยังมีการบุกรุกคูคลองเพิ่มขึ้นอีก ทั้งทำถนน
ทางเท้ารุกพื้นที่ การระบายน้ำลงทะเลยากลำบาก แม้ขุดลอกแล้ว
ภาครัฐต้องหาแนวทางเข้าไปติดตามแก้ไข
ดร.รอยล จิตรดอน
ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)
คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย
(กบอ.) กล่าวว่า หลังอุทกภัยปี 54 ทางสถาบันได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นคลังข้อมูลน้ำ
แต่มีข้อมูลเฉยๆ แก้ปัญหาไม่ได้
จึงดำเนินการจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่
บูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงาน จัดทำแบบจำลองเป็นระบบ มีความแม่นยำ
ประกอบด้วยแผนที่ฝนของกรมอุตุฯ
มารวมเป็นแบบจำลองน้ำท่าส่งต่อไปที่ศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติเพื่อวิเคราะห์จัดสรรสมดุลน้ำ
เป็นการจัดการต่างจากที่แล้วมา
โดยแบ่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็น 11 เขต 11 Block เพื่อหาสมดุลน้ำในแต่ละพื้นที่
หากสมดุลน้ำลบมากคือ แล้ง บวกมาคือ ท่วม จุดเด่นของระบบนี้คือคิดถึงการพร่องน้ำก่อนน้ำจะมา
มีเขื่อนหลายเขื่อนปริมาณน้ำไหลเข้า 4-5 เท่าของความจุ
ฉะนั้น การบริหารจัดการได้พื้นที่ท้ายน้ำของเขื่อนจำเป็นต้องพร่องน้ำ
บริหารแบบติดลบก่อนพายุจะมา ซึ่งสมดุลน้ำในพื้นที่จะช่วยแก้ปัญหาได้
ระบบนี้เชื่อมต่อกันมีข้อดีแทนที่จะบริหารเขื่อนเดี่ยวเหมือนอดีตจะสามารถบริหารเขื่อนภูมิพล
เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รวมทั้งเขื่อนพระราม 6
เขื่อนเจ้าพระยาไปพร้อมกันได้ ความยืดหยุ่นเกิดขึ้นมากกว่าเดิม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งบริหารน้ำไม่ต่างกับจราจร รถติดคือน้ำท่วม
หน้าที่คือทำให้รถไม่ติด
Environmental  object คือ   ปัญหาน้ำท่วม
ที่มา
: แผนป้องน้ำรับมืออุทกภัย
เสี่ยงท่วมลึก ท่วมหนัก . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttp://www.thaipost.net/sunday/240612/58649 (วันที่สืบค้นข้อมูล 2 กรกฎาคม 2555)
น.ส.ประภาพรรณ  มีทอง  (เกด)
 
น่าสนใจค่ะ แต่ในความเป็นจริงแผนป้องน้ำรับมืออุทกภัยนี้ทุกคนควรช่วยกันคิด ช่วยกันทำให้สำเร็จ ไม่เพียงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น ทุกคนต้องเร่งช่วยกันแก้ไขเพื่อรับมือกับน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
ตอบลบนางสาวแสงเทียน ฤทธิไกรสร (แนน)
บทความดังกล่าว ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่จะมีแผนรับมือจากปัญญาอุทกภัย ซึ่งเป็นแนวความคิดที่สามารถนำไปพัฒนาและใช้ได้ แต่อาจจะไม่ได้ผล ร้อยเปอร์เซ็น ก้อยังดีกว่าไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไรเลย
ตอบลบนายอธิคม คำสอนทา (ก๊อบ)
เป็นบทความที่ดีและน่าสนใจมาก เพราะทำให้ตระหนักว่าเราควรที่จะมีแผนรับมืออุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
ตอบลบนางสาววรรณธกานต์ พยุงวงษ์(วิว)