วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
DAM เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเขื่อน
เนคเทคหรือ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. จัดนำเสนอและสาธิตผลงานวิจัย “DAM” ระบบการสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อนรัชช ประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กับตัวแทนจากประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน เพื่อแสดงถึงศักยภาพของการประเมินถึงความปลอดภัย และมั่นคงของเขื่อน
และที่สำคัญเป็นผลงานของนักวิจัยไทย ที่ประหยัดงบประมาณและช่วยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
“ดร.กนกเวทย์ ตั้งพิมลรัตน์” ผู้อำนวยการหน่วยปฏิการวิจัยพัฒนาการ ควบคุมและระบบอัตโน มัติทางอุตสาหกรรม เนคเทค บอกว่า เนื่องจากทาง กฟผ. มีความต้องการจะติดตั้งระบบอัตโน มัติ เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงของเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน โดยอาศัยการวัดค่าต่าง ๆ ในบริเวณเขื่อน เช่น การวัดระดับน้ำใต้ดิน ในหลุม วัด การวัดแรงดันของหัววัดที่ติดตั้งที่ตัวเขื่อน การคาดเดาปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ
ที่ผ่านมา กฟผ.ใช้บุคลากรทำการวัดค่าต่าง ๆ ด้วยมือ ซึ่งใช้เวลามาก ข้อมูลที่ได้ไม่ใช่ข้อมูล ณ เวลาจริง รวมถึงเสียเวลาในการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการวิเคราะห์ ทำให้มีข้อจำกัดในการประเมินถึงความมั่นคงและความปลอดภัยของเขื่อน
ระบบดังกล่าว หากนำเข้าจากต่างประเทศ ดังเช่นที่นำมาใช้ที่เขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลม จะมีราคาสูงถึง 60 ล้านบาท นอกจากนั้นหลังจากใช้มาแล้ว 10 ปี ปัจจุบันอุปกรณ์บางส่วนเริ่มชำรุด ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือปรับปรุงแก้ไขนั้นก็สูงร่วม 10 ล้านบาททีเดียว
เนคเทคโดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนา การควบคุมและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม จึงพัฒนาระบบสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลชุดตรวจวัดแรงดันน้ำของเขื่อนหรือแดม (DAM) ขึ้นมา โดยต่อยอดพัฒนาจากองค์ความรู้ด้านการสื่อสารที่มีอยู่ ซึ่งเรียกว่าสกาด้า (SCADA) โดยพื้นฐานตัวระบบดังกล่าวจะ ประกอบไปด้วย หน่วยวัดคุมระยะไกลหรือเรียกสั้น ๆ ว่า RTU เซ็นเซอร์หรือหัววัดค่าต่าง ๆ เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ และระบบการสื่อสารซึ่งมีทั้งแบบไร้สายคือ ผ่านระบบจีพี อาร์เอสของมือถือและแบบใช้สายคือผ่านเทคโนโลยีไฟเบอร์ ออพติค
ด้าน ดร.อุดม ลิ่วลมไพศาล นักวิจัยผู้รับผิดชอบโครงการอธิบาย ถึงการทำงานของระบบดังกล่าวว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของเขื่อนเดิมในระบบแมนนวลหรือใช้คนวัด จะมีหลุมวัด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้วจำนวนมาก ซึ่งมีความลึกกว่า 100 เมตร ใช้เครื่องมือแบบการวัดค่าความสูงของระดับน้ำ เมื่อเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ ได้ใช้เป็นหัววัดเซ็นเซอร์ แทน โดยแช่ทิ้งไว้ที่ก้นหลุม ส่งข้อมูลผ่านสายทองแดงไปยัง RTU ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลก่อนที่จะส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยผ่าน สายไฟเบอร์ ออพติคเป็นหลัก ส่วนจีพีอาร์เอส ใช้เฉพาะจุดที่อยู่ห่างไกล ทั้งนี้ RTU แต่ละตัว สามารถรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ได้ 1-2 หลุม ข้อมูลที่ได้จะนำส่งไปยังระบบวิเคราะห์ความปลอดภัย และมั่นคงของเขื่อนต่อไป สามารถติดตามดูข้อมูลได้แบบเรียล ไทม์และทำรายงานสรุปเป็นภาษาไทยได้
ปัจจุบัน เนคเทคติดตั้งระบบดังกล่าวไปแล้ว 12 ตู้ RTU ครอบคลุมการสื่อสารข้อมูลจาก 19 หลุมที่มีตัววัดหรือเซ็นเซอร์
ใช้งบประมาณไปแล้ว 9.9 ล้านบาท เริ่มใช้งานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2551
สำหรับผลการใช้งาน นายมะโนช มากจันทร์ หัวหน้ากองบำรุงรักษาโยธา เขื่อน รัชชประภา บอกว่า เนื่องจากเขื่อนนี้เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีลักษณะพิเศษ ตามภูมิประเทศที่สวยงาม จึงมีการก่อสร้างเป็นเขื่อนหลัก เขื่อนรองและเขื่อนย่อย ๆ ตามหุบเขาอีกจำนวนมาก ระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร เดิมเมื่อใช้การเก็บข้อมูลด้วยคนต้องเสียเวลาไม่ต่ำกว่า 2 วันในการเก็บแต่ละครั้ง ข้อมูลที่ได้จึงไม่เรียลไทม์ ระบบนี้เข้ามาช่วยได้มาก ซึ่งทาง กฟผ. มีแผนติดตั้งเพิ่มเติม โดยภายในปี 2555 จะทำการติดตั้งตู้ RTU จนครบ 27 หลุมเซ็นเซอร์รอบตัวเขื่อนหลักและเขื่อนรอง
นอกจากนี้ ยังมีโครงการต่อเนื่องให้เนคเทค พัฒนาและปรับปรุงระบบอัตโนมัติให้กับเขื่อนวชิรา ลงกรณอีกด้วย
ที่มา : http://www.deqp.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=18347%3Adam---&catid=12%3A2010-02-17-11-32-15&Itemid=50&lang=th
นางสาวประภาพรรณ มีทอง (เกด)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เป็นบทความที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาในปัจจุบัน ในการแก้ไขปัญหาทางด้านอุทกภัย และสามมารถนำไปแก้ไขการบริหารจัดการน้ำให้ดีมากขึ้น
ตอบลบสอบถามเพิ่มเติมว่า บทความนี้เชื่อมโยงอย่างไร กับวิชานี้ หากทำการเชื่อมโยงไปกับวิชาที่เรียนมาในแขนง มีการใช้ระบบโครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบไหน ระบบการสื่อสารคอมพิวเตอร์แบบใด ข้อมูลอะไรบ้างที่นำมาใช้ในการประมวลผล การประมวลที่ใช้ในระบบนี้คืออะไร
ตอบลบบทความของเกดนี้จะเป็นแนวทางในการทำให้พวกเราได้เข้าใจ เรื่องของวิชานี้ที่ชื่อ หลักการทางสารสนเทศสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร (Principle of Environmental Informatics) ได้มากกว่าเดิม
อาจารย์จงดี โตอิ้ม
environmental object คือ ความปลอดภัยของเขื่อน
ตอบลบน.ส.ประภาพรรณ มีทอง (เกด)