ไม่ว่าจะมีนักเศรษฐศาสตร์กี่คนที่ยังทะนงตนว่าศาสตร์ของตัวเองนั้นสำคัญกว่าใครเพื่อน ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปคือ ลำพังเศรษฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ไม่อาจกอบกู้โลกได้ เนื่องจากการกู้โลกที่ได้ผลจำเป็นจะต้องอาศัยการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในวงกว้าง และการเปลี่ยนพฤติกรรมก็จำต้องอาศัยหลายกลวิธีผสมกัน
ผู้เขียนเคยพูดถึงการใช้กฏกติกา (เช่น ภาษีคาร์บอน) และการ “สะกิด” แบบเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว วันนี้อยากพูดถึงเกม – กลวิธีในดวงใจของเด็กและผู้ใหญ่หัวใจเด็กทุกคน
เกมคอมพิวเตอร์และเกมกระดาน (บอร์ดเกม) สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนได้ หรืออย่างน้อยก็ให้ความรู้ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลง ถ้าหากผู้ออกแบบเกมสามารถสร้างสมดุลระหว่าง “สาร” เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ต้องการจะสื่อ กับ “ความสนุก” ของเกม ซึ่งสำคัญพอๆ กัน เพราะถ้าเกมมีสาระแต่ไม่สนุก คนเล่นก็จะเบื่ออย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเกมสนุกแต่ขาดสาระ คนเล่นก็จะได้แต่ความบันเทิงอย่างเดียว ไม่ได้รู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแม้แต่น้อย
ตอนนี้ผู้เขียนอยากแนะนำ “ซีเรียสเกม” ที่คิดว่าทั้งสนุกและ “ได้ผล” ในแง่ของการสอนแบบเนียนๆ ให้คนเล่นเข้าใจประเด็นสิ่งแวดล้อมและวิธีแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
Oiligarchy – เกมออนไลน์ที่มุ่งสร้างความเข้าใจในแนวคิดเรื่อง “peak oil” (จุดผลิตน้ำมันสูงสุด) และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างธุรกิจพลังงาน สงคราม กับการเมืองระหว่างประเทศ
ในเกมนี้เราเล่นเป็นซีอีโอของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เล่นทีละตา หนึ่งตาเท่ากับหนึ่งปี ในปีเปิดเกมคือ 1946 บริษัทของเรามีแค่ที่ดินผืนเล็กๆ ในมลรัฐเท็กซัส ขุดน้ำมันขายได้ไม่นานทรัพยากรใต้ที่ดินของเราจะหมด เราต้องออกไปสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในต่างแดน ซึ่งจะทำให้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากนักสิ่งแวดล้อมและชาวพื้นเมือง ดังนั้นก่อนที่บริษัทของเราจะทำกำไรในต่างแดนได้ รัฐบาลของเราจะต้องช่วยแก้ปัญหาให้ เช่น ส่งทหารไปโจมตี แต่นั้นหมายความว่าเราต้องมีอำนาจควบคุมรัฐบาล ผ่านการบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง
ถ้าเราเล่น Oiligarchy ได้ดี ในที่สุดเราก็จะเจริญรอยตามประวัติศาสตร์จริงหลังจุด peak oil คืออุปทานน้ำมันเริ่มหดตัวสวนทางกับอุปสงค์ ถ้าเรายังมุ่งกอบโกยด้วยการทำให้ทุกคนเสพติดน้ำมัน (วัดด้วยดัชนี “oil addiction” ในเกม ยิ่งสูงเรายิ่งขายน้ำมันได้เยอะ) เราก็จะจบเกมแบบที่โลกทั้งใบล่มสลาย แต่ถ้าหากเรายอมลดอำนาจการผูกขาดและคลายการครอบงำรัฐ (ซึ่งก็จะหมายถึงกำไรที่ลดลง) เกมก็จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งสำหรับทุกคนบนโลก เพราะข้ามพ้นเศรษฐกิจแบบพึ่งพาน้ำมันได้ แต่แย่สำหรับเราในฐานะบริษัทน้ำมัน ซึ่งนั่นก็คือสารหลักที่ผู้สร้างเกมนี้ต้องการจะสื่อ – ด้วยโมเดลธุรกิจยุคอุตสาหกรรมของบริษัทน้ำมัน ยิ่งบริษัทประสบความสำเร็จเพียงใด ผู้คนและโลกยิ่งเดือดร้อนเพียงนั้น
ทีมผู้สร้าง Oiligarchy จงใจให้เราสวมบท “ผู้ร้าย” เพื่อชี้ให้เห็นปัญหาของอุตสาหกรรมน้ำมัน และอธิบายเรื่องยากๆ อย่างอุตสาหกรรมน้ำมันผ่านเกมที่เล่นสนุก กราฟฟิกการ์ตูนแสบสันต์ ท้าทาย และมีตอนจบถึง 4 แบบ
ที่มา:
เป็นบทความที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่นเกม นอกจากจะได้เล่นเกมแล้ว ยังสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
ตอบลบน.ส.ศศิธร ระหงษ์ (ตุลา)
ถือเป็นบทความที่ดี ยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกมแล้วนั้นยิ่งน่าสนใจ แถมยังแฝงไปด้วยความรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม เพราะในปัจจุบันเด็กที่ชอบเล่นเกมถึงขั้นติดเกมเลยนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้รับความรู้เท่าไหร่ ได้เพียงความสนุกสนาน หรือความบันเทิงเพียงเท่านั้น ถ้ามีเกมเช่นนี้เกิดขึ้นยิ่งทำให้เด็กๆหันมาเล่นแถมได้ทั้งความรู้ไปด้วย ยิ่งเล่นไปมากๆความรู้ทีได้ก็มาก หรือสามารถจำเกร็ดความรู้นั้นได้มากขึ้น
ตอบลบนางสาวแสงเทียน ฤทธิไกรสร (แนน)